วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันนี้ข้าขอท้า "ไอ้กวีขี้หมา"

วันนี้ข้าขอท้า "ไอ้กวีขี้หมา"



จากภาพที่ข้าโพส์เอ็งคงรู้และข้าคิดว่าเอ็งรู้นะว่าเอ็งกล่าวถึงใคร ใครคือครอบครัวที่เอ็งว่า ถ้าเอ็งไม่รู้หรือแสร้งไม่รู้ข้าบอกให้ก็ได้ว่าเอ็งว่าข้าอยู่


ไอ้สิงหา เอ็งไม่สำนึกและยังไม่สำเนียกอีกหรือว่าไอ้สิ่งที่เอ็งทำนั้นมันเป็นอะไรอย่างไง ไอ้การที่เอ็งมาขออาศัยอยู่บ้านข้า แม่ยายข้าให้เอ็งอยู่ให้ข้าวยัดทุกมื้อ ให้ไปตัดไม้มาทำกระท่อมเอ็ง นี้ไม่ได้ทำให้เอ็งสำนึกอะไรบ้างหรือ


แถบอิสาน ผู้คนที่ข้ารู้จักก็เตือนข้าแล้วเรื่องเอ็ง แต่ข้าไม่อยากเชื่อคำคนจากใคร ข้าอยากรู้ด้วยตัวเอง แล้วไง ข้ารู้แล้วแฟนข้ารู้แล้ว แม่ยายข้ารู้แล้ว เอ็งทำตัวเองเองใช่ไหม?


ถ้าเอ็งแน่จริงเอ็งมาที่นี้อีกครั้งสิวะ เอ็งเมาเอ็งกร่าง ร่ายกวีเอี้ยๆ ที่มีแต่ดิบ หยาบ เถื่อน เมาทีไรโทรฯ หาผู้หญิงมายุ่งย่ามในบ้านข้า นอนกอดพรอดรัก แม่ยายข้าไปเห็นไม่ใช่ข้าว่าเอง อีกอย่างที่เอ็งบอกว่าข้าจะเอาเด็กที่เอ็งพามาไปทำอะไรนั้นนะ เอ็งคิดไปได้ไงวะ ที่นี้บ้านเมียข้า บ้านแม่ยายข้า เอ็งเอามันสมองส่วนไหนคิดว่า ข้าแค่อยากให้มันดูดี ไม่ใช่กางเสือนอนกอดกันริมน้ำ เอ็งไม่อายเด็กอาบผีสางหรือวะ มันน่าอายไหมวะ


พอเพื่อนๆ ข้ามาพูดคุยเรื่องวรรณกรรมเอ็งเงียบ ไอ้ห่า...เอ็งนะเก่งจริงก็ตอนเมาและอยู่ต่อหน้าผู้หญิงเท่านั้นหละ


แล้วไงพอเงินเอ็งหมดสร้างเรื่อง โทรฯ ไปให้ผู้หญิงของเอ็งโอนเงินมาให้โดยกุเรื่องต่างๆ นานา ให้คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องเดือนร้อน ไอ้ชาติหมา พอข้าจับได้ไล่ทันก็ขอโทษกราบตีนข้า ถุย!!! ไอ้ห่าเอ็งทำไปนั้นเพราะเอ็งอายหรือว่าอยากให้เรื่องจบๆ เท่านั้นเองล่ะวะ เอ็งไม่ได้สำนึกและสำเนียกอย่างแท้จริงหรอกวะ


โกสินทร์ที่เอ็ง (อิจฉา) ว่ามันนั้นนะ ที่เอ็งเอาชื่อเขาไปอ้างเพื่อขอเงินเดินทางไปเหนือไปไหนต่อไหน เขาพวกข้าบอกเอ็งคำเดียวว่า "ไอ้...วย" สะใจไหมวะ


ตอนนี้เอ็งก็แค่ตัวตลกในวงเหล้าเท่านั้นล่ะ!!!


โถ่...อยากอยู่อย่างสมถะ ห่า! พอเมาแล้วโทรฯ ชวนผู้หญิงคนโน้นคนนี้มา แล้วอย่างนี้เอ็งจะอยู่อย่างสมถะได้อย่างไรวะ เด็กที่หอโอ๊ดมันยังรู้เลย


เอ็งพร่ำถ้อยในบล๊อกอย่างสวยงาม เป็นกวี ถุย! เอ็งมันแค่คนเขียนกลอนได้เท่านั้นล่ะวะ เอ็งยังห่างไกลจากคำว่ากวีเยอะ อย่างดีเอ็งก็ได้เป็นแค่ "นักกลอนชั้นสวะ" คนหนึ่งเท่านั้นเองล่ะวะ


แหม๋...จะเดินทาง อย่างอย่างโน้นอย่างนี้ ปั้นถ้อยคำสวยหรู เวร...อ้างอย่างโน้นอย่างนี้ รีดไถ่เงินผู้หญิงในบล๊อกในเน็ต ไอ้ชาติหมาเอ๋ย ไม่สำนึกเลยนะเอ็ง


เอ็งนะมันนกสองหัวพออยู่กับข้าพูดอย่าง พออยู่กับคนอื่นพูดอย่าง อย่านึกว่าข้าจะไม่รู้นะ แต่ข้าไม่พูดเองเท่านั้น ถุย! ไอ้นักกลอนสองหัว พอเมาแล้วกร่างไม่เห็นหัวใคร มีนักเขียนที่ไหนไม่รู้จักความชั่วของเอ็งบ้างวะ เพียงแต่คนอื่นไม่อยากพูดเท่านั้นเอง


ข้าเคยบอกแล้วข้าอยู่ของข้าเฉยๆ อย่ามาเตะต้องข้า ไม่งั้นข้าเอาคืน


ไอ้นักกลอนชั้นสวะ เอ็งแน่จริงเก่งจริงก็เอาความจริงมาพูด เอ็งกล้าพอไหมวะ ไอ้ชาติหมา ข้าขอท้า


๑ / ๐๒ / ๕๒

มหาสารคาม

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอถามหา สามัญสำนึก!!!

    เป็นอีกครั้งแรกใช่ไหม! เป็นอีกครั้งแล้ว ที่ต้องใช้หน้าบล็อกนี้
    เขียนเรื่องราวที่ไม่อยากเขียน
    แต่มันคือ “ความจริง” ที่เจ็บปวด
    ที่ต้องเขียน
    เพราะ “คุณ” ไม่รู้จักจบใช่ไหม?!
    ...........
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้ตระหนักดีแล้วว่า
    นี่จะเป็นการกระทำเดียวที่จะบอกให้ “คุณ” ได้รู้ว่า
    เราก็ไม่ได้ “พอใจ” กับ “การกระทำ” ของคุณ แม้แต่น้อย
    หาก คุณ จำไม่ได้ จะเอ่ยย้ำเตือนให้
    ในคืนนั้น ก่อนที่ คุณ จะ เดินทางออกจากมหาสารคาม
    “เรา 4 คน” (มีน้องชายคนหนึ่งมาร่วมเป็นพยาน จำได้ไหม)
    ได้ตกลงแล้วว่า ทุกเรื่องที่ “เรา” พูดกันจะ “จบ” บนแผ่นดินนั้น
    และจะไม่มีใครนำเรื่องราวทั้งหมดนี้ไป “พูด”
    ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนไปตามวิถีทางของตนเอง
    ครอบครัวของเรา ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรถึงคุณเลย
    คนเหล่านั้นมาเยือนและเห็น “กระท่อมที่หายไป” ก็ต่างเข้าใจ
    โดยที่ครอบครัวเราไม่ต้องบอกเล่าเรื่องใดๆ
    แต่
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็รู้สึกเสมอว่า
    “คุณ” ไม่ได้หยุดการกระทำของคุณเลย !
    โดย เฉพาะในหน้า บล็อก เช่นนี้!
    …..
    ดิฉันรู้จักคุณ ผ่าน “เขา” และพวกเราเข้าค่ายวรรณกรรมด้วยกัน
    เรารู้จักคุณในฐานะกวีที่มีความมุ่งมั่น คนหนึ่ง
    ซ้ำพวกเรายังเคย “ช่วย” คุณทำหนังสือทำมือมาแล้ว
    นี่น่าจะยืนยันความมีตัวตนและน้ำใจของเราได้มากพอ
    เมื่อราวๆ เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
    ทว่า...คุณเดือนร้อน มาขออาศัยที่บ้านแม่ของดิฉันที่มหาสารคาม
    แม้คุณจะมาพักเพียงไม่กี่วัน
    แต่คุณก็ได้สร้างความขุ่นข้องในครอบครัวของดิฉัน
    ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า เงินที่คุณได้รับจากคนรักของคุณนั้นนำมาซื้อข้าวของให้แม่ของดิฉันหมด!
    ซึ่ง เมื่อดิฉันเสร็จธุระที่กรุงเทพฯ เดินทางขึ้นไปหาแม่ที่มหาสารคาม และในตอนนั้นคุณได้ย้ายลงใต้ไปแล้วนั้น ถึงได้เข้าใจว่า ไอ้ข้าวของที่คุณซื้อมานั้น แม่ของดิฉันมิได้ใช้หรือแตะต้องเพราะคิดว่าคุณจะกลับมาอีก ที่สำคัญแม่ของดิฉันไม่ดื่ม “กาแฟ” กาแฟกล่องมหึมาหรือแม้กระทั่งสบู่ ยาสีฟันที่ซื้อมากองไว้ แม่ของดิฉันเก็บไว้คุณอย่างดีเพราะคิดว่าคุณจะกลับมา
    และแม่ของดิฉันไม่เคยหยิบข้าวของ-ของคุณมาใช้
    เราเก็บงำความเคลือบแคลงนั้นไว้
    แม้ใครต่อใครจะพูดคุณในแง่ร้าย
    แต่เราก็เชื่อว่า...เราจะตัดสินคนด้วยตัวของเราเอง

    และคุณก็ทำให้ดิฉันรู้ว่า ธาตุแท้ของคุณเป็นเช่นไร
    คุณ ที่เรียกตนว่าเป็นกวี! คุณกำลังทำให้คำว่า “กวี”นั้นเปื้อนเปรอะ!

    อีกครั้งที่คุณกลับมาที่นี่ ก่อนวันสิ้นปีราวสามวัน
    เรายังต้อนรับคุณเหมือนเคย โดยเฉพาะ แม่ของฉัน
    คุณจำคำพุดของคุณได้ไหมว่า “....ควบคุมความคิดผมทุกอย่าง”
    แม่ถามกลับว่า “เลิกกันหรือยัง ถ้ายัง...ก็อย่าเอาผู้หญิงมาพูดไม่ดี”
    คุณบอกแม่ฉันว่า จะมาขออาศัยอยู่ ๑ ถึง ๒ เดือน
    ซึ่งพวกเรา ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร
    เมื่อรู้ว่ามีสมาชิกเพิ่ม “แม่” กัดฟันซื้อข้าวสาร เป็น “กระสอบ” เพื่อเลี้ยงทุกชีวิตในบ้าน
    คุณอาจคิดว่าแม่ของฉันร่ำรวย
    เปล่าเลย! แม่ของฉันยังติดหนี้ธนาคาร ซึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมาทำห้องเช่าที่มีเพียง ๑๐ ห้อง
    แต่ถึงอย่างนั้น “แม่”ของดิฉัน ก็ยังต้อนรับคุณและเพื่อน(สาวทั้งหลาย)ของคุณ
    แม้ว่าจะพยายามบอกคุณไว้บ้างแล้ว
    หากนี่...เป็นที่ของดิฉัน...ดิฉันอาจทำหลับตาไม่รู้ไม่เห็นได้
    ทว่า นี่เป็นแผ่นดินของแม่ ซึ่งเราล้วนเป็นเพียงผู้อาศัย
    หากคุณจะทำอะไรก็น่าจะเกรงใจ “แม่” บ้าง
    ดิฉันจะไม่เดือดร้อนอะไรกับคุณเลย
    หากคุณไม่ใช่คำว่า “ครอบครัว” ยกมากล่าว(หา)ในบล็อก
    คุณรู้ดีว่า...ดิฉันเป็นพวก “รักครอบครัว” แค่ไหน
    ใครจะว่าอะไรดิฉัน...โดยเฉพาะในบล็อกซึ่งไม่มีใครรู้ความจริงนั้น
    ดิฉันเฉยๆ แต่สิ่งที่ทำให้ดิฉันจะลงมือเขียนเรื่องของคุณ เพราะคุณได้พาดพิง “ครอบครัว” ของดิฉัน
    เพราะหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนั้น คือ แม่ ที่เมตตา คุณ ประหนึ่งเราอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
    คุณจำได้ไหมว่า
    กระท่อมที่คุณเขียนในบล็อกว่า “สร้าง” นั้น
    มีมือของหญิงชราวัย ๖๒ ที่ช่วยตัดไม้ไผ่ เพื่อสร้างมัน
    ตะปูทุกดอกทุกตัว แม่เป็นคนหามาให้ จำได้ไหม!
    คุณจำได้ไหม ที่ประกาศว่าจะลงมือขุดดินปลูกผักเป็นเพื่อนแม่
    แต่แล้วคุณเอายืดกอดอก พูดเรื่องทฤษฎีปลูกผัก ซึ่งทำราวกับแม่ของดิฉันเป็นคนรับใช้!
    (ขอโทษเถอะ! นี่ไม่ใช่การ “ใส่ความ” แต่น้องๆ ที่เช่าห้องอยู่เป็นพยานได้ ! พวกเขาถึงไม่ชอบขี้หน้าคุณไง!)
    สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รบกวนแม่เท่ากับที่คุณได้พาผู้หญิงมาที่กระท่อมไม่เว้นแต่ละคืน
    และในแต่ละคืนก็มีผู้หญิงแทบไม่ซ้ำหน้า!
    แค่เช้าวันแรกที่คุณมาเยือน
    และยังไม่มีกระท่อม
    แม่ของเดินเล่นออกกำลังในตอนเช้าที่ริมลำนำชี
    แต่ภาพที่เห็น ทำให้แม่สะเทือนใจ
    (คงไม่ต้องให้บรรยายใช่ไหมพี่!)
    แม่เรียกคุณมา “คุย” เป็นการส่วนตัว โดยที่ดิฉันก็รับฟัง
    คุณพูดว่า “ไม่มีอะไร”
    แต่เราไม่ได้หมายความว่า “ต้องมีอะไรกัน” แต่มันแสดงถึงความไม่เหมาะสม
    “ไม่อายผีสางเทวดาหรือไง”
    นั่นคือสิ่งที่แม่พยายามพูดกับคุณ!
    อ้อ! ช่างน่าประทับใจกับผู้หญิงที่คุณพามาหลับนอนที่นั่น
    เมาโวยวายอาละวาดอะไรไว้! พลเมืองในห้องเช่ารู้ดี!
    อาการ “กร่าง” ทั้งที่เมาแล้วไม่สำนึก! ยกเอา “ปัจเจก” มาอ้าง!
    ถ้าจะอ้างเรื่อง “ปัจเจก” ดิฉันก็ขอใช้สิทธิ์ ผู้มี “ปัจเจก” เช่นกันว่า
    “อย่าได้ขากถุย อสุจิไว้ที่นี่!”
    และพวกคุณทำราวกับว่า ผู้คนที่หวังดีเป็นแค่พวกไร้สมอง!
    พวกน้องๆ ที่ไปช่วยต่อสายไฟให้ที่กระท่อมของคุณ
    “เสื่อมศรัทธา” ต่อทุกคำพูดและการกระทำของคุณ
    แต่เขายังเกรงใจเพราะเห็นว่าคุณมาในฐานะเพื่อนของดิฉัน

    ระหว่างยี่สิบวันที่คุณอยู่ที่นี่
    ไม่เคย! ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอะไรเลย
    ( ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน,ค่าน้ำ,ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนท,ค่าอาหารทุกวันที่รับประทาน)
    นี่ไม่เรียกว่า “น้ำใจ” อีกหรือ?
    คุณยังหักหาญน้ำใจของหญิงชราวัย ๖๒ ด้วยการกุเรื่องราวต่างๆ จนในบ้านเดือนร้อน
    คุณยังทำได้อีกหรือ?
    หรือคุณคิดว่า
    หญิงแก่คนนั้น มันไม่เคยเข้าบล็อกเล่นอินเตอร์เนท มันคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร!

    แต่คุณคงลืมไปว่า
    แม่ของดิฉันมิใช่โง่เขลาขนาดไม่รู้เรื่องอะไรเลย
    แม่อ่านหนังสือไม่คล่อง ไม่ใช่อ่านไม่ออก!
    แม่ไม่มีบล็อก! ไม่ใช่หมายความว่าไม่รู้อะไรเลย

    ใครก็ตามที่เคยมาหาดิฉันที่บ้านแม่ที่มหาสารคามนี่
    ต่างรู้ดีว่า แม่ของดิฉันมีน้ำใจกับเพื่อนๆ ของลูกขนาดไหน
    จะมีแม่สักกี่คนเล่าที่เป็นห่วงกลัวลูกๆ (เพื่อนๆ ของลูก) จะกินเหล้าจนร่างกายทรุดโทรม
    จึงต้องลุกขึ้นมาทำอาหารกับแกล้มพื้นๆ ให้ทาน
    ไข่เจียวชะอม กับ แจ้วบ่อง
    น้ำพริก ผักลวก ,ทั้งดอกแค,ผักกระโดน, ผักในสวนแม่ล้วนหามาต้อนรับขับสู้
    แกงส้มมะละกอเล่า? อย่าบอกว่าไม่เคยได้ชิม
    กะเพรา ริมรั้วแม่เอามาผัดกับหมูให้ถึงที่
    ยำมาม่าใส่ผักกาดหอมที่ดิฉันปลูกละ? นึกออกหรือเปล่า
    จำได้ไหม?


    ดิฉันไม่เคยห้ามคุณไปบล็อกใครหรอก
    อ้อ! ถ้าพูดแบบนี้ คุณคงว่าดิฉันเป็นเดือดเป็นร้อนไปเอง
    แต่ขอย้ำคำพูดประโยคเดียวว่า
    “ถ้าเห็นน้ำตาของปูเป็นเรื่องสนุก! พี่ทำไปเลย!”
    และคุณทำให้ฉันมั่นใจว่าคุณ “สนุก” ที่เห็นดิฉันปวดใจ!!
    ทั้งที่คุณพูดถึง คนนั้นๆ ว่า”ช่างกลวงและเต็มไปด้วยมายา”

    จิตใจของคุณทำด้วยอะไรหรือ!

    คุณไม่จำเป็นต้องมาสรรเสริญเยินยอครอบครัวของดิฉัน
    แต่หากคุณยังจำความหวังดีที่คุณแม่ของดิฉันหยิบยื่นให้ได้!
    ก็หยุดเอา “ครอบครัว” ของเราไปสร้างเรื่องราวเรียกร้องความสนใจจากใคร
    และในขณะที่คุณอ้าง “สิทธิ์ของกุ”
    ดิฉันขอเป็นตัวแทนของ”ครอบครัว”
    และขอนำคำพูดของแม่มาฝากถึงคุณว่า
    “อย่าได้มาเหยียบแผ่นดินนี้อีก!”

    ตอบลบ